อดีตสามีกำลังจะแต่งงานใหม่ ภรรยาเก่าวีรกรรมแสบสร้างเรื่องอีก รีบขนของกลับมาอยู่ด้วย อ้างสิทธิ์ความเป็นแม่ของลูก
ตามรายงานพบว่า นางบี (นามสมมุติ) และนายเอ (นามสมมุติ) ซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลหูหนาน ประเทศจีน แต่งงานกันในปี 2541 หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันได้ 2 ปี ภรรยาก็ได้ให้กำเนิดลูกแฝด สามีและครอบครัวปลื้มใจสุดๆ ตั้งแต่นั้นมานายเอก็ทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความปรารถนาที่จะสามารถเลี้ยงดูภรรยาและลูกๆ อย่างดี ในทางตรงกันข้าม ภรรยากลับเอาแต่พึ่งพาอาศัยและเกียจคร้านมาก วันทั้งวันเธอแทบจะไม่ทำอะไรเพื่อแบ่งเบาครอบครัวเลย แม้แต่การดูแลลูกๆ ก็กลายเป็นหน้าที่ของพ่อแม่สามี
ในปี 2555 นาย นายเอแจ้งข่าวดีแก่ภรรยาว่าบ้านของพวกเขากำลังจะถูกรัฐบาลรื้อถอน และจะได้รับเงินชดเชยจำนวนมากถึง 800,000 หยวน (ประมาณ 3.9 ล้านบาท) เขาบอกว่าด้วยเงินจำนวนนี้จะทำให้สามารถเลี้ยงดูลูกๆ ให้มีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองในอนาคต ต่างกับในหัวของภรรยาที่เริ่มคิดคำนวณถึงเม็ดเงินทันทีเมื่อได้ยินข่าวดีนี้
ทันทีที่ครอบครัวได้รับเงินชดเชย นางบีก็ประกาศอย่างกะทันหันว่าเธอต้องการหย่าร้าง และเรียกร้องให้มีการแบ่งทรัพย์สิน เมื่อได้ยินเช่นนั้นสามีรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะทั้งสองแต่งงานกันมานานถึง 15 ปี แทบจะไม่มีเรื่องขัดแย้งกันใหญ่โตเลย อีกทั้งยังมีลูกด้วยกัน 2 คน อย่างไรก็ตาม นางบีกลับกล่าวว่าเธอและสามีทะเลาะกันบ่อยครั้ง และเธอยังเผชิญแรงกดดันอย่างมากเมื่อขัดแย้งกับแม่สามี ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหย่า
สุดท้ายนายเอไม่สามารถรั้งภรรยาไว้ได้ ต้องยอมรับการแยกทางของครอบครัว หลังจากการหย่าร้าง ลูกสาวอยู่ในความดูแลของภรรยา ส่วนลูกชายอยู่ในความดูแลของสามี ในแง่ของทรัพย์สิน พวกเขาแบ่งเงินไปซื้อบ้านให้ลูกชาย 300,000 หยวน (ประมาณ 1.4 ล้านบาท) และอีก 300,000 หยวน (ประมาณ 1.4 ล้านบาท) ให้พ่อแม่สามี สุดท้ายที่เหลือ 200,000 หยวน (ประมาณ 1 ล้านบาท) ให้นางบีไว้ใช้สำหรับเลี้ยงดูลูกสาว โดยที่นายเอไม่ได้แบ่งเงินเลยสักบาท
อย่างไรก็ดี หลังจากการหย่าร้างนางบีตระหนักได้ว่า ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจินตนาการไว้ เพราะในอดีตสามีมักนำรายได้ของเขามามอบให้กับเธอ ให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะหามาได้ แต่ตอนนี้เมื่อหย่าร้างกันแล้ว เงินจำนวน 200,000 หยวนที่เธอเคยคิดว่าเป็นเงินก้อนโต แต่เมื่อเทียบกับการต้องเช่าบ้าน ค่าครองชีพ จ่ายค่าเล่าเรียนของลูก เธอจึงตระหนักได้ว่าเงินจำนวนนี้ไม่ได้มากมายอะไรเลย
เธอไม่มีงานทำ แถมยังขี้เกียจและไม่คิดอยากทำงานอีกด้วย ถ้าเธอยังอยู่แบบนี้ต่อไปอีกไม่นานเธอก็จะไม่มีเงินเหลือ ดังนั้นจึงมีความคิดที่ไม่น่าเชื่ออย่างยิ่งเกิดขึ้นในหัวเธออีกครั้ง ซึ่งก็คือการแต่งงานใหม่กับอดีตสามีของตัวเอง แต่เรื่องราวก็ไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อเธอบังเอิญพบว่าเขากำลังจะแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนอื่น ดังนั้น เมื่อรู้ว่าคนรักใหม่ของอดีตสามีกำลังจะเข้าไปอยู่ในบ้านของลูกชาย เธอจึงรีบไปที่นั่นก่อนและขออาศัยอยู่ด้วย โดยโต้แย้งว่านี่คือบ้านของลูกชายของเธอ ดังนั้นเธอจึงมีสิทธิที่จะมีอาศัยอยู่ แม้จะถูกอดีตสามีไล่อย่างไรก็ไม่ยอมออกมา
เมื่อนายเอหมดหนทางที่จะพูดคุยกับอดีตภรรยา เขาจึงต้องขอความช่วยเหลือจากคนกลางให้ช่วยไกล่เกลี่ย เขากล่าวว่า “ผมให้เงินเธอไป 200,000 หยวนในตอนที่หย่าร้าง ผมคิดว่าผมปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ตอนนี้บ้านกำลังถูกรีโนเวทใหม่โดยเงินของผม เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดซื้อโดยเงินของผม ผมคิดว่าเธออิจฉาเมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ และแค่ต้องการกลับมาหาผมที่บ้านหลัง”
ในขณะเดียวกันนางบีให้เหตุผลว่า “แม้ว่าเราจะหย่าร้างกัน แต่ฉันก็ยังคิดถึงลูกชายของฉัน ฉันมาทำอาหารและซักผ้าให้เขาบ่อยๆ ที่นี่เป็นบ้านของลูกชายฉัน ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์มาอยู่ด้วยกันที่นี่?”
นายเอกล่าวกับผู้ไกล่เกลี่ยต่อไปว่า “เธอเป็นแบบนี้เสมอ อยู่บ้านอย่างขี้เกียจ ตอนเธอขอหย่าทำไมเธอไม่คิดถึงลูกชายของเธอ ตอนนี้จู่ๆ ทำไมเธออยากดูแลเขา มันเกี่ยวกับการแต่งงานใหม่ของผมไหม แล้วเรา 3 คนจะอยู่บ้านเดียวกันได้ยังไง”
คนกลางยังได้พูดคุยกับเพื่อนบ้าน และได้รู้ว่าครอบครัวของนายเอใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผลมาเสมอ นายเอเองก็เป็นคนซื่อสัตย์ ทำงานหนัก และมีความรับผิดชอบ และพ่อแม่ของเขาก็อ่อนโยนและใจดีเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม นางบีได้สร้างความประทับใจที่ไม่ดีให้กับเพื่อนบ้าน ไม่เพียงแต่เป็นคนเกียจคร้านเท่านั้น แต่ยังใจร้ายอีกด้วย เธอมักจะทะเลาะกับครอบครัวของสามีเสมอ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการแทรกแซงของผู้ไกล่เกลี่ย แต่นายเอและนางบีก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ในที่สุดทั้งสองก็ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อรับการตัดสินที่ยุติธรรม