
รายงานการประมาณการอุปทานและอุปสงค์เดือนตุลาคมจาก USDA มักจะถูกมองข้ามไปในอุตสาหกรรมการเกษตร เนื่องจากช่วงเวลานั้นตรงกับฤดูเก็บเกี่ยว แต่แนวโน้มนี้เปลี่ยนไปในปี 2005 จากผลของกฎหมายนโยบายพลังงานของสหรัฐ ซึ่งกระตุ้นอุปสงค์ของข้าวโพดและเพิ่มวงเงินซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า
ขณะนี้อยู่กลางเดือนตุลาคม ฤดูเก็บเกี่ยวปี 2023 ได้เริ่มต้นไปแล้ว โดยการประมาณการล่าสุดจาก National Agricultural Statistics Service (NASS) ระบุว่าข้าวโพด 33% และถั่วเหลือง 30% ของสหรัฐฯ ได้ถูกเก็บเกี่ยวแล้ว ชุมชนการเกษตรกําลังพูดคุยกันอย่างคึกคักเกี่ยวกับรายงาน USDA ที่กําลังจะมาถึง โดยเฉพาะในเรื่องของการผลิตข้าวโพดและถั่วเหลือง
ผู้เขียนชิ้นนี้ ถึงแม้จะรับรู้ถึงความสนใจในรายงานเหล่านี้ แต่ตัวเองกลับไม่สนใจมากนัก เพราะเชื่อว่าข้อมูลที่จําเป็นในการเข้าใจอุปทานและอุปสงค์ในตลาดมีอยู่แล้ว และไม่จําเป็นต้องอาศัยสถิติจากรัฐบาล บุคคลจํานวนมากในอุตสาหกรรมจึงชอบที่จะรอคอยตัวเลขรายเดือนจาก USDA เหมือนเป็น “เกมกีโน” เพื่อรอดูว่าตัวเลขของรัฐบาลจะออกมาเป็นอย่างไร และพวกเขาได้ “ชนะ” หรือไม่
ผู้สื่อข่าวด้านสินค้าโภคภัณฑ์ได้มาขอความเห็นจากผู้เขียนเกี่ยวกับสิ่งที่ควรคาดหวังจากรายงานเดือนตุลาคม โดยประวัติศาสตร์แล้ว เดือนตุลาคมมักให้ความสําคัญกับปริมาณการผลิต โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสําคัญของพื้นที่ปลูก ถึงแม้ USDA จะมีตัวเลขพื้นที่ปลูกตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็มักทําการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจนกระทั่งปี 2005
อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์สําคัญ 2 ประการในปี 2005 ที่เปลี่ยนแปลงธรรมชาติของรายงานเดือนตุลาคม กฎหมายนโยบายพลังงานของสหรัฐปี 2005 เพิ่มอุปสงค์ของข้าวโพด และในเวลาเดียวกัน วงเงินซื้อขายที่ Chicago Mercantile Exchange (CME) ถูกปรับเปลี่ยนให้อนุญาตให้มีการซื้อขายโดยนักลงทุนที่ไม่ใช่ผู้ค้าสินค้าเกษตรมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทําให้ USDA ต้องทําการปรับปรุงมากขึ้นในรายงานเดือนตุลาคม
ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในรายงานเดือนตุลาคมของ USDA มีการปรับเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดในพื้นที่ปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง เช่น ในปี 2008 USDA ลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดจาก 87.9 ล้านเอเคอร์ เป็น 85.9 ล้านเอเคอร์ในรายงานเดือนตุลาคมฉบับแรก และเพิ่มพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองจาก 74.8 ล้านเอเคอร์ เป็น 77.0 ล้านเอเคอร์ รายงานฉบับปรับปรุงในเดือนตุลาคมต่อมาลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดลงอีกเป็น 84.9 ล้านเอเคอร์ และนําพื้นที่ 1.1 ล้านเอเคอร์กลับคืนจากถั่วเหลือง
ในปีต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงทั้งขึ้นและลงของพื้นที่ปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง โดยในปี 2013 พื้นที่ปลูกข้าวโพดถูกลดลง 2.1 ล้านเอเคอร์ อย่างไรก็ตาม รายงานเดือนตุลาคม 2 ปีล่าสุด (2021